กาแฟ แต่ละประเภทที่ coffee lover หรือ คอ กาแฟ ต้องรู้ไว้
เชื่อว่าหลายคนที่ชอบดื่ม กาแฟ หรือคอกาแฟ จะมี เมนูกาแฟ โปรดของตัวเองอยู่ในใจกันอยู่แล้ว แต่คอกาแฟหลายๆท่าน เคยสงสัยกันมั๊ยว่าชื่อ เมนูกาแฟ แสนเก๋ แต่ละเมนูนั้นมีที่มาที่ไปแตกต่างกันอย่างไร ลงตามอ่านด้านล่างกันได้เลย
Espresso เมนูยอดฮิต ที่คอ กาแฟ ชื่นชอบ คำว่า espresso shot นั้นมาจากคำภาษา อิตาลี แปลว่า “เร่งด่วน” ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมต้องรีบด้วย ที่มาที่ไปก็มาจากกลไกในกระบวนการชงนั่นเอง โดยซึ่งมาจากการใช้แรงอัดไอน้ำหรือน้ำร้อนผ่านเมล็ดกาแฟคั่วบดละเอียด ทำให้เอสเปรซโซมีรสชาติกาแฟที่เข้มข้นและหนักแน่น ต่างจากกาแฟทั่วไปที่ชงผ่านหยดน้ำ ซึ่งจะเสริฟเป็นแก้วช๊อต (แก้วจอก) รสชาติของเอสเปรสโซจะมีความเข้มข้นและหนักแน่นมากกว่า ด้วยความเป็นเอกลักษณ์นี้เองทำให้คอกาแฟนิยมดื่มแบบไม่ต้องปรุงน้ำตาลหรือนมเลย ซึ่งการดื่มควรดื่มในทันทีเนื่องจากเอสเปรสโซมีความไวสูงในการทำปฎิกิริยากับออกซิเจน เพื่อไม่ให้เสียรสชาติและอรรรถรสในการดื่ม
Espresso Macchiato หรือ caffe macchiato ซึ่งแน่นอนว่าคำว่า macchiato มาจากภาษาอิตาลี แปลว่า ซึ่งมีรายด่าง หรือกาแฟที่ทำสัญลักษณ์ไว้ ดังนั้น Espresso Macchiato จึงแปลแบบตรงตัวได้ว่า “กาแฟที่มีรอยด่าง” หรือกาแฟที่ทำสัญลักษณ์ไว้ ซึ่งแต่เดิมนิยมใช้คำว่า มัคคียาโต กับการเทนมร้อนธรรมดาลงไปในกาแฟ ซึ่งทำให้เกิดรอยด่างของนมในกาแฟ ภายหลังเปลี่ยนมาใช่สื่อถึงฟองนมซึ่งเกิดจากผู้ชงกาแฟหยอดลงไปเพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างเอสเปรสโวธรรมดากับเอสเปรสโซที่เติมนมลงไปเล็กน้อย ที่กลายมาเป็นเมนู Espresso Macchiato หรือ กาแฟที่ถูกทำสัญลักษณ์ไว้นั้นเอง โดยเมนูนี้จะประกอบไปด้วย กาแฟเอสเปรสโซ 1 ชอต และเติมฟองนมไว้ด้านบน โดยมีรสชาติที่ยังคงเข้มข้นของเอสเพรสโซอยู่ แต่แทรกไปด้วยกลิ่นอายของนมเพียงเล็กน้อย
Americano อเมริกาโน่ สำหรับที่มาที่ไปของชื่อนั้น ก็ตรงๆตัวเลย หมายถึง “ แบบอเมริกัน “ ซึ่งว่ากันว่ารสของเอสเปรสโซล้วนๆนั้น เข้มเกินไปสำหรับคอกาแฟชาวอเมริกัน จึงมีการเสริฟกาแฟเอสเปรสโซที่ทำให้เจือจางด้วยน้ำร้อน ทำให้กาแฟAmericano มีความแก่พอๆ กับกาแฟธรรมดา แต่มีกลิ่นรสชาติที่เข้มที่มาจากเอสเปรสโซ ทำให้สายที่ชอบดื่มด่ำกับรสชาติที่หอมเข้ม แต่ไม่มากจนเกินไปนั้น แสนจะฟินกับเมนูนี้
Cappuccino สำหรับสายที่ชอบดื่มด่ำไปกับฟองนมแสนนุ่มละมุนลิ้น ซึ่งแน่นอนว่าเมนูนี้เป็นเมนูยอดฮิตในหมู่คอกาแฟเย็น ซึ่งเมนูนี้เกิดการส่วนประกอบหลักคือเอสเปรสโซและนม โดยหลายๆอาจจะสงสัยกันว่า เอ๊ะต่างกันยังไงกับ Latte ต่างกันที่สัดส่วนของนม และฟองนมนั้นเอง ซึ่งเมนูลาเต้จะมีสัดส่วนของนมที่มากกว่า มีฟองนมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่คาปูชิโนนั้นจะมีการเติมฟองนมหนานุ่มที่ผ่านการสตรีมด้วยไอน้ำร้อนด้านบน และแน่นอนว่าคาปูชิโน่มักจะมีความเข้มของกาแฟที่มากกว่าลาเต้นั่นเอง ซึ่งในประเทศอิตาลี ผู้คนมักดื่มคาปูชิโน กับขนมปังแผ่นเป็นอาหารเช้าเพื่อรองท้อง อันเนื่องมาจากวิถีชีวิตของชาวอิตาลีมักไม่ค่อยรับประทานอาหารเป็นกิจจะลักษณะ แต่สำหรับเมืองไทยแล้วดื่มได้ทุกเวลาไม่จำกัดเลยจ้า
Latte เป็นกาแฟใส่นม แต่จะมีใครมั๊ยที่ทราบว่า คำว่า Latte มาจากภาษาอิตาเลียนที่แปลว่า นม เฉยๆนะไม่ได้แปลว่า กาแฟนม เวลาสั่งถ้าเป็นที่ต่างประเทศก็ควรมีคำว่า Coffee Latte พ่วงไปด้วย ไม่งั้นก็จะได้นมเปล่าๆ มาแทนได้นะจ้ะ และสำหรับเมนูนี้ก็เหมาะกับคอกาแฟชอบรสชาติมันละมุนของนมที่ผสมกับกาแฟ เพราะเมนูนี้เตรียมด้วยนมร้อนที่ตีด้วยไอน้ำจากเครื่องชง ซึ่งสัดส่วนของนมนั้นจะมากกว่าเมนูคาปูชิโน่หนึ่งส่วน โดยเทผสมพร้อมกันกับกาแฟ และจะมีฟองนมที่หยอดเป็นลวดลายๆต่างๆ ที่สวยงามเป็นศิลปะที่เรียกว่า Latte art แต่ว่าจะอยู่ในเมนูลาเต้ร้อนนะจ้ะทุกคน
Mocha สำหรับเมนูเชื่อกันหลายคนที่ชอบกลิ่นรสสัมผัสของช็อคโกแลต และกลิ่นรสกาแฟอ่อนๆ ที่ผสมผสานเป็นรสหอมหวานมันได้อย่างลงตัว ต้องไม่พลาดเมนู mocha ไปได้อย่างแน่นอน ซึ่งสัดส่วนของกาแฟก็จะคล้ายกับเมนูลาเต้ แต่แตกต่างกันที่จะมีส่วนผสมของช็อคโกแลตร้อน น้ำเชื่อมโกแล็ตหรืออาจจะใส่ผงโกโก้ปรุงสำเร็จก็ได้ไม่ว่ากัน ด้วยส่วนผสมทั้งหมดนี้คนให้เข้ากันก็จะได้เมนูแสนฟิน ท็อปปิ่งด้วยวิปครีมเข้าไปอร่อยเริศแน่นอน
Flat White เป็นอีกหนึ่ง เมนูกาแฟ นม ที่เป็นชื่อเรียกเฉพาะ ที่มาจากประเทศออสเตรเลีย โดย Flat นั้นแปลว่า เรียบแบน White แปลว่า สีขาว ซึ่งก็มาจาก นม นั้นเอง แล้วมันต่างยังไงกันกับ Café Latte หล่ะ? คำตอบอยู่ที่ flat white จะมีเพียงแค่นมร้อน หรือบางที่ อาจจะสตรีมนมให้เกิดฟองบางๆ เนียนๆกว่า ลาเต้จึงทำให้เมนู fate white ให้ความรู้สึกในปากที่นุ่มนวล ละมุน นุ่มลิ้นกว่าลาเต้นั่นเอง
ดูสูตรเมนูอัพเดต และ ข่าวสาร ช่องทางต่าง ๆ กดด้านล่างได้เลยจ้า
หากมีข้อสงสัย/ติดต่อผ่ายขายโดยตรง สามารถติดต่อผ่านช่องทางด้านล่างนี้
หน้าที่เข้าชม | 4,755,624 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,925,194 ครั้ง |
เปิดร้าน | 21 ธ.ค. 2560 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |