สายพันธุ์กาแฟ กาแฟมีกี่ชนิด ข้อสำคัญที่ คนรักกาแฟ ต้องรู้จัก

สายพันธุ์กาแฟ กาแฟมีกี่ชนิด ข้อสำคัญที่ คนรักกาแฟ ต้องรู้จัก

คอกาแฟ หลายท่าน ทราบกันหรือไม่ว่า จริงๆแล้ว กาแฟ ที่เราดื่มๆกันทุกวันนั้น ในปัจจุบันนั้นแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลักๆ ได้แก่ กาแฟอาราบิก้า และ กาแฟโรบัสต้า โดยที่เราจะมาทำความรู้จักกันว่า กาแฟสองสายพันธุ์นั้นแตกต่างกันอย่างไร

            เริ่มกันที่กาแฟอาราบิก้า (Coffea arabica L.) เป็นพัน เป็นพันธุ์ที่ปลูกมากที่สุดในโลก มีปริมาณผลผลิตมากกว่า 80 % ของผลผลิตกาแฟ ลักษณะทรงพุ่มขนาดเล็ก ใบเขียวเป็นมัน ดอกผสมตัวเอง ระยะออกดอก ถึงผลแก่ใช้เวลา 6 – 9 เดือน เมล็ดค่อนข้างใหญ่ รูปทรงค่อนข้างแบนยาว เกือบเป็นวงรี  สีเขียวอมเทาฟ้า ให้ผลผลิตปานกลาง ลักษณะเด่นแน่นอนว่า สายพันธุ์นี้ขึ้นชื่อเรื่องมีกลิ่นหอมและรสชาตินุ่มละมุน  เป็นที่นิยมของผู้บริโภค แต่ก็มีข้อด้อยคือข้อด้อยคือ อ่อนแอต่อโรค โดยเฉพาะโรคราสนิม ไม่ทนทานต่อการแปรปรวน ของสภาพแวดล้อม ทำให้การดูแลรักษาทำได้ยากกว่าพันธุ์อื่นๆ อราบิก้าเป็นกาแฟที่รักอากาศเย็นสบายราว 15-25 องศาเซลเซียส จึงเหมาะที่จะปลูกในภูมิประเทศสูงกว่า 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล และแน่นอนว่าราคาของกาแฟก็แตกต่างตามคุณภาพของแต่ละสายพันธุ์อีกด้วย จุดเด่นของกาแฟอาราบิก้า คือ  มีปริมาณคาเฟอีนน้อย ประมาณ 1 % ของน้ำหนัก มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำเป็นกาแฟร้อน ทานแบบไม่ใส่นม

            กาแฟโรบัสต้า (Coffea canephora Pierre ex Froehner) เป็นพันธุ์ที่ปลูกมากเป็นอันดับสองรองจากอาราบิก้า ผลผลิตมีประมาณ 20 % ของผลผลิตโลก มีลักษณะทรงพุ่มใหญ่กว่ากาแฟอาราบิก้า ดอกไม่สามารถผสมตัวเองได้ ต้องผสมข้ามต้น โดยอาศัยลม และแมลงช่วยผสมพันธุ์ ดอกกาแฟโรบัสต้าจึงมีกลิ่นที่หอมมาก ระยะเวลาตั้งแต่ดอกบานถึงผล แก่ประมาณ 9 – 11 เดือน เมล็ดเล็ก รูปทรงค่อนข้างกลมและนู้น สีเขียวอมน้ำตาล ให้ผลผลิตสูง ทนทานต่อโรค และความแปรปรวนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี ดูแลรักษาไม่ยาก รักอากาษร้อนชื้นแบบภาคใต้ของบ้านเรา คอกาแฟเข้มข้นแบบลูกผู้ชายตัวจริงไม่ควรพลาดกาแฟโรบัสต้า เพราะจุดเด่นของกาแฟโรบัสต้า คือ ให้ปริมาณ เนื้อกาแฟมาก มีบอดี้ รสชาติเข้มข้น ส่วนข้อด้อยคือ ให้กลิ่นหอมน้อยกว่า จึงเหมาะนำมาผสมกับกาแฟ อาราบิก้า หรือที่เรียกว่า การเบลนด์กาแฟ ทำกาแฟเย็น หรือกาแฟใส่นม เนื่องจากรสนมและ ความหวานไม่กลบรสกาแฟจนหมด นอกจากนี้ยังนิยมนำมาทำกาแฟผงหรือกาแฟสำเร็จรูปด้วย  มีปริมาณคาเฟอีนประมาณ 2 % ของน้ำหนัก

            เห็นไหมครับว่ากาแฟ ถึงจะเรียกเหมือนกันแต่จริงๆ แล้วมีหลากหลายสายพันธุ์จนไปถึงพื้นที่เพาะปลูกซึ่งส่งผลไปถึงรสชาติของกาแฟและคุณภาพของกาแฟที่ขายทั่วไปตามท้องตลาด เรียกกาแฟ เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างอยู่ภายในไม่น้อยเลยทีเดียว ถือว่าขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเข้ม หรือนุ่มละมุน ก็ไม่ควรดื่มมากจนไปเกินไป จนทำให้นอนไม่หลับเสียสุขภาพกันได้นะครับ

ดูสูตรเมนูอัพเดต และ ข่าวสาร ช่องทางต่าง ๆ กดด้านล่างได้เลยจ้า

หากมีข้อสงสัย/ติดต่อผ่ายขายโดยตรง สามารถติดต่อผ่านช่องทางด้านล่างนี้